ทำไมใครๆ ก็ “ชูสองนิ้ว” ????

99229

เคยสัยรึเปล่าคะว่าทำไม เวลาที่เราต้องการให้กำลังใจใครหรือให้กำลังใจตัวเอง (ประมาณว่า “สู้ๆ สู้ตาย”) หรือแม้กระทั่งเวลาถ่ายรูปกับเพื่อนเราจะต้องมีท่าบังคับอย่างท่า “สู้ตาย” ชู 2 นิ้ว อยู่เสมอ… ทำไมต้องชูสองนิ้วด้วยล่ะ ชูสามนิ้วไม่ได้เหรอ???

สำหรับการชู 2 นิ้ว หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า “V sign” นั้น เป็นที่รู้จักกันดีในความหมายของ “ชัยชนะ” คือ V แทนคำว่า Victory ค่ะ ถ้าน้องๆ ลองไปเปิดดูอัลบั้มรูปเก่าๆ ของตัวเองน้องๆ จะพบว่าตั้งแต่เราเกิดมาเราถ่ายภาพด้วยท่าชู 2 นิ้วไว้มากมายโดยที่เราไม่รู้ตัว คิดอะไรไม่ออกก็ชู 2 นิ้วไว้ก่อนแล้วกัน ^^

นอกจากนี้การชูสองนิ้วยังหมายถึง “สันติภาพ” และ “การดูถูกท้าทาย” ได้อีกด้วย …โดยหากเราไปแสดงอากัปกิริยาด้วยการ ชูสองนิ้วแต่หันฝ่ามือเข้าหาตัวเอง ในสหราชอาณาจักรอย่างอังกฤษ สกอตแลนด์แล้ว ถือว่าเป็นการแสดงท่าทางดูถูกต่อว่าอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ค่ะ

โดยความหมายของการทำเช่นนี้นั้น จะเหมือนกับการที่เราไปทำท่าที่หยาบคายอย่างการ “ชูนิ้วกลาง” (The Finger) ให้คนอื่นเลยทีเดียว ซึ่งพฤติกรรมนี้ถือว่าร้ายแรงและเป็นการเสียมารยาทเป็นอย่างมากเลยล่ะ

ส่วนในประเทศสหรัฐอเมริกา การชู 2 นิ้วนั้นจะใช้กันในความหมายที่ว่า เป็นการแสดงสันติภาพมากกว่า โดยเริ่มได้รับความนิยมมาจากการที่ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดสันติภาพในช่วงทศวรรษที่ 1960

สำหรับประเทศในทวีปเอเชียนั้น ส่วนใหญ่จะใช้กันตอนถ่ายรูปโดยไม่ได้มีความหมายอะไรซ่อนอยู่เลย (กลายเป็นท่าฮิตไปซะอย่างงั้น -..-”) แต่ในเวลาต่อมา ผู้คนนอกทวีปเอเชียเริ่มหันมาชู 2 นิ้วตอนถ่ายรูปกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งพฤติกรรมนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากบรรดาการ์ตูนของญี่ปุ่นที่ไปได้รับความนิยมในประเทศอื่นๆ นั่นเอง

นอกจากนี้บางคนยังเชื่อว่า การที่ชาวญี่ปุ่นนิยมชู 2 นิ้วนั้นต้องการสื่อถึงเรื่องสันติภาพ หลังจากที่ญี่ปุ่นโดนบอมบ์ด้วยระเบิดปรมณูไป (และที่สำคัญหลายคนมักจะคิดว่าการชูสองนิ้วถ่ายรูปนั้นจะทำให้ตัวเองน่ารักเหมือนสาวญี่ปุ่น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วท่านี้ก็ไม่ได้ทำให้คนดูดีทุกคนหรอกค่ะ 55)

สำหรับจุดเริ่มต้นของการชู 2 นิ้วนั้น ไม่มีการบันทึกเอาไว้อย่างแน่ชัดว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ก็เป็นที่เชื่อกันมาอย่างยาวนานว่า จุดเริ่มต้นของการชู 2 นิ้วนั้น เริ่มจากพลธนูชาวเวลส์ ที่ต่อสู่ร่วมกับอังกฤษในการสู้รบที่หมู่บ้านอกินคอร์ต ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 1415 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามร้อยปีระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งมีการกล่าวไว้ว่า ทหารฝรั่งเศสจะตัดนิ้วมือข้างขวาของพลธนูชาวเวลส์ที่ถูกจับตัวได้ไป 2 นิ้ว จนไม่สามารถยิงธนูได้อีก ด้วยเหตุนี้ บรรดาพลธนูชาวเวลส์ที่ยังไม่ถูกจับตัวจึงชูนิ้ว 2 นิ้วเป็นการดูถูกท้าทายทหารของฝรั่งเศส

ไม่น่าเชื่อเลยนะคะเนี่ยว่าท่าชู 2 นิ้ว ที่เราใช้เป็นท่าบังคับในการถ่ายรูปกัน จะมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานขนาดนี้แถมยังมีความหมายที่ลึกซึ้งและยิ่งใหญ่อีกต่างหาก… ว่าแต่ต่อไปนี้เวลาจะชู 2 นิ้ว ก็ระวังหน่อยแล้วกันนะคะ อย่าชูผิดด้านล่ะไม่อย่างนั้นล่ะ มีเรื่องแน่ค่ะ 555+

ขอขอบคุณ http://www.teenee.com

ทำไม 1 โหลต้องมี 12 ชิ้น ?????

1004281

 

 

จำนวน 12 ในหนึ่งโหลของไทยนั้นสัมพันธ์กับระบบนับจำนวนของต่างชาติซึ่งมีคำว่า dozen (โดซเซ่น) หมายถึง 12 เช่นเดียวกัน

ย้อนกลับไปหาที่มาคำว่า dozen ถือกำเนิดจากชาวสุเมเรียนในเมโสโปเตเมียซึ่งเชื่อกันว่าเป็นชนชาติแรกที่สร้างสัญลักษณ์การนับตัวเลขในชีวิตประจำวันด้วยการเปล่งเสียงเรียก

ต่อมาในช่วง 3,100 ปี ก่อนคริสตกาล ……ชาวสุเมเรียนเขียนจำนวนตัวเลขเป็นรูปลิ่ม และสร้างระบบจำนวนขึ้นมาจากฐาน 60 ซึ่งง่ายต่อการหารด้วยจำนวนต่างๆ แบ่งเป็นแฟ็กเตอร์ (ส่วนที่คูณกันขึ้นเป็นจำนวน) ได้แก่ 2, 3, 4, 5, 6, 10, 12, 15, 20, และ 30

คำว่า dozen มีความหมายมาจาก “5 ส่วนของ 60″ (12 คูณ 5 เท่ากับ 60) ภาษาละตินหมายถึง 12 ขณะที่ชาวโรมันถือว่าเลข 12 เป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ จึงนำมาสร้างระบบการนับปี แบ่งให้มี 12 เดือน ส่วนพ่อค้าแม่ขายในในสมัยโบราณก็นิยมใช้ 12 ขายของ เพราะสะดวกและแยกส่วนได้ง่ายกว่าเลข 10 และใช้เรื่อยมาจนทุกวันนี้

นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าว่า ในช่วงยุคกลางของอังกฤษพ่อค้าขนมปังจะต้องถูกลงโทษหนัก หากตัดขายขนมปังในน้ำหนักที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ขณะที่พ่อค้าขนมปังในยุคนั้นก็ไม่ได้มีความรู้นับจำนวนอะไร กลัวจะพลาดระหว่าง 11 ก้อนกับ 12 ก้อนจึงหันไปใช้วิธีกันเหนียว คือตัดขนมปัง 13 ก้อนเวลาที่จะขายขนมปังหนึ่งโหล กรณีนี้หนึ่งโหลเลยมี 13 ชิ้น ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก

ส่วนนักจิตวิทยาบางคนเคยทดสอบความแตกต่างระหว่างคนที่ชอบเลข 12 มากกว่าเลข 10 ว่าเป็นคนที่ยืดหยุ่นและอ่อนโยนกว่า อันนี้ก็ฟังไว้เล่นๆ ได้

ข้อมูลจากเว็บไซต์วิกิพีเดีย ระบุว่า โหลมาจากภาษาอังกฤษว่า Dozen รากศัพท์ภาษาละตินว่า duodecim เชื่อว่าเป็นการนับเลขรวมกลุ่มแบบแรกๆ เพราะตัวเลข 12 มาจากฐานการนับรอบดวงจันทร์โคจรรอบดวงอาทิตย์ รู้จักว่าเป็นระบบจำนวนฐานสิบสอง หรือทวาทิศนิยม (duodecimal system) 12 โหลเรียกว่า 1 กุรุส (a gross) การนับโหลสะดวกสบายเพราะตัวคูณและพหุคูณคิดได้ง่าย เช่น 12 เท่ากับ 3 X 2 X 2 หรือ 360 เท่ากับ 20 X 3

ขอขอบคุณ http://www.teenee.com

ทำไม? ลูกเบสบอสมีรอยตะเข็บถึง 108 รอย

101013

เบสบอล ถือว่าเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหลายประเทศ น้องๆ เคยสงสัยกันบ้างไหมจ๊ะว่าเพราะอะไร “ลูกเบสบอล” กลมๆ ที่ใช้ในการเล่นกีฬาชนิดนี้จึงต้องมีรอยตะเข็บอยู่รอบ ๆ ลูกนอกจากนี้ทำไมนักกีฬาต้องทาสีดำไว้ที่ใต้ตาอีกด้วย ถ้าอยากรู้คำตอบของคำถามเหล่านี้ ตามสบายดอทคอม ก็ต้องรีบเอามาฝากเลย……

ทำไม?ลูกเบสบอลต้องมีรอยตะเข็บ>> ลูกเบสบอลผลิตมาจากไม้ก๊อกและยาง หุ้มด้วยหนังม้า หรือหนังวัว2ชิ้น ที่ต้องนำมาเย็บประกบกันกว่า218ครั้ง ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทำให้เกิดรอยตะเข็บ 108 รอย นักเบสบอลจะต้องอาศัยรอยตะเข็บเหล่านี้ในการควบคุมทิศทางของลูก เพราะมันสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหมุนและทำให้เกิดแรงต้านอากาศแบบต่างๆ ตามวิธีการขว้างลูกที่มีอยู่หลากหลายแบบอีกด้วย

ทำไม?ต้องทาสีดำไว้ที่ใต้ตา>> น้องๆ อย่าเพิ่งคิดว่านักกีฬาเบสบอลเขาซ้อมหนักจนอดหลับอดนอนทำให้ใต้ตาดำเป็นหมีแพนด้านะจ๊ะ จริงๆ แล้วการแปะเทป หรือทาสีดำใต้ตานั้น เขาเรียกว่า “อายแบล็ก” ทาเอาไว้เพื่อป้องกันการแสบตา เพราะความมันบนใบหน้า หรือเหงื่อใต้ตาจะทำให้แสงแดดสะท้อนพื้นสนาม ชุดยูนิฟอร์ม และวัตถุอื่นๆ ทำให้นักกีฬาเกิดอาการแสบตา สายตาพร่ามัว และเสียสมาธิได้ ดังนั้นการทาอายแบล็กที่ใต้ตาจะทำให้แสงอาทิตย์ไม่สะท้อน เพราะสีดำมีคุณสมบัติในการดูดซับแสง

การเล่นกีฬานอกจากจะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว

มันยังมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถสร้างความสงสัย จนเราต้องคิดหาคำตอบ

เหมือนกับ2เรื่องนี้ที่เกี่ยวกับกีฬาเบสบอล

thak http://www.teenee.com

ทำไมมุสลิมมีภรรยาได้สี่คน????

99557

เหตุใดศาลนาอิสลามอนุญาตให้ผู้ชายมีภรรยาได้มากกว่าหนึ่ง ไม่ทราบเป็นการกดขี่ผู้หญิงหรือเปล่า

คนทั่วไปมักจะรู้จักมุสลิมเพียงสองประการ คือ มุสลิมไม่กินหมู และมุสลิมมีภรรยาได้หลายคน

ว่าที่จริงการมีภรรยาหลายคนเป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณ

บทบัญญัติของศาสนาส่วนใหญ่ในโลกก็ไม่ได้ห้ามการมีภรรยาหลายคน ศาสนาอิสลามนั้นอนุญาตให้ชายมีภรรยาได้ไม่เกินสี่คน ภายใต้ข้อแม้ว่าจะต้องสามารถให้ความยุติแก่ผู้หญิงทั้งสี่ได้ ความยุติธรรมในที่นี้ได้แก่ความเท่าเทียมกันในด้านการจ่ายค่าครองชีพ (ค่าอาหาร เครื่องแต่งกาย และที่อยู่อาศัย) ไม่ก่อให้เกิดความกระทบกระเทือนแก่จิตใจของภรรยาคนใดคนหนึ่งต่อหน้าภรรยาคนอื่น ๆ และสามีต้องค้างคืนกับภรรยาแต่ละคนให้เท่า ๆ กัน

เหตุที่ศาสนาอิสลามอนุญาตไว้เช่นนี้ เพราะอิสลามส่งเสริมให้มีลูกมาก ๆ เพื่อจำนวนมุสลิมจะได้มีมากขึ้น อิสลามคำนึงถึงความจำเป็นของชายที่ปรารถนาจะสืบต่อวงศ์ตระกูล แต่ภรรยาไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้เพราะเป็นหมันหรือป่วย อีกทั้งชายบางคนก็มีความต้องการทางเพศสูง การอนุญาตให้เขามีภรรยาเพิ่มขึ้น (โดยที่เขาต้องเลี้ยงดูผู้หญิงใหม่ได้อย่างยุติธรรมดังกล่าวมาแล้ว) จึงย่อมดีกว่าปล่อยให้เขาไปหาทางออกทางอื่นที่เป็นบาป และอิสลามคำนึงว่าในโลกนี้มีพลโลกหญิงมากกว่าชาย ทำให้หญิงจำนวนมากต้องครองตัวเป็นโสด หากอนุมัติให้เธอแต่งงานกับชายที่มีภรรยาแล้ว ซึ่งสามารถให้ความสุขและความยุติธรรมแก่เธอได้ ย่อมเป็นการดีกว่า

อย่างไรก็ตาม การอนุญาตให้มีภรรยาได้ไม่เกินสี่คน เป็นข้อยกเว้นที่เปิดโอกาสให้กระทำได้ แต่มิได้หมายความว่าศาสนาอิสลามจะส่งเสริมให้ชายทุกคนมีภรรยาหลายคน และในหมู่ชาวมุสลิม ชายที่มีภรรยาหลายคนเมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วก็นับว่าน้อยมาก ในอียิปต์กฎหมายอนุญาตให้มีภรรยาได้ไม่เกินสี่คน แต่ปรากฏว่าผู้ที่มีภรรยามากกว่าหนึ่งคนมีเพียง ๒.๗๕ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

thak http://www.teenee.com

ทำไม…..หมาถึงหอน ????

99231

 

 

ความจริงการหอนของหมาอธิบายได้ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ครับ หมาเป็นสัตว์ที่มีหูไวเป็นพิเศษ สามารถรับฟังเสียงที่มีความถี่ต่างๆ กันอย่างที่มนุษย์ทำไม่ได้ เสียงบางเสียงจึงรบกวนระบบประสาทของหมา หมาจึงมีปฎิกิริยาด้วยอาการหอน
ใครอยู่ในต่างจังหวัดและใกล้วัด จะสังเกตุได้ว่าเมื่อพระตีระฆัง หมาก็จะหอนรับเป็นทอดๆ เพราะเสียงระฆังเข้าไปรบกวนประสาทของหมาเข้าอย่างจัง การหอนจึงเป็นการสื่อสารในหมู่หมาเพื่อให้หมาตัวอื่นๆ รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อีกกรณีที่พบมาก คือหมาที่ถูกนำมาฝากไว้ในร้านของสัตวแพทย์ ตกกลางคืนก็จะหอนเพราะคิดถึงเจ้าของ จึงเรียกร้องความสนใจ
เหตุที่หมาหอนตอนกลางคืนมาก เป็นเพราะว่ากลางคืนเป็นเวลาที่หมาอยู่โดดเดี่ยว มีอิสระในการทำอะไรตามใจตัวเอง หมาก็เลยหอนเพื่อสื่อสารกันในตอนนั้น
สรุปแล้วเป็นเรื่องของสัญชาตญาณและธรรมชาติของหมาครับไม่มีเรื่องผีเข้ามาเกี่ยวข้องเลย

thak http://www.teenee.com

สถานที่ที่สวยที่สุดในโลก

สุดยอด 10 อันดับ สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง

             สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในต่างแดน เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มักเลือกที่จะบินไปเที่ยวในยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา เพื่อไปช้อปปิ้ง หาของกินอันเลื่องชื่อและถ่ายรูปกันตามสถานที่ชื่อดังที่คนนิยมไปกัน เช่น ลอนดอน ปารีส กรุงโรม นิวยอร์ก เป็นต้น

             แต่ คุณทราบหรือไม่ว่า ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามซุกซ่อนอยู่บนโลกใบนี้ ซึ่งบางแห่งหลาย ๆ คน อาจไม่เคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำไป วันนี้กระปุกดอทคอมจะมาแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามแบบสุด ๆ ชนิดที่ว่า ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิตมาเผยให้ทราบกัน
page
 1. อุโมงค์วิสเทอเรีย (Wisteria Tunnel)
          สำหรับผู้ที่ชื่นชอบดอกไม้นานาพันธุ์ จะต้องหลงรักอุโมงค์วิสเทอเรียอย่างแน่นอน โดยอุโมงค์ดอกไม้แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่สวนคาวาชิ ฟูจิ ในเมืองคิตะกีวชู ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งภายในอุโมงค์จะมีดอกไม้สีสันสวยงามต่าง ๆ ห้อยอยู่ด้านบน เรียงกันเป็นแถว ๆ ยาวไปตามเส้นทาง ที่เมื่อเดินเข้าไปแล้วจะรู้สึกเหมือนอยู่ในสรวงสวรรค์แมกไม้เลยที
เดียว
2. ชิงเกว แตร์เร (Cinque Terre)
          ชิงเกว แตร์เร คือ ส่วนประกอบของหมู่บ้านหลากสีทั้ง 5 แห่ง ที่อยู่ติดทะเลบริเวณชายฝั่งแคว้นลิกูเรีย ในประเทศอิตาลี ซึ่งนับว่าเป็นสถานที่ยอดนิยมของบรรดานักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่ต้องการมาชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามของตึกรามบ้านช่องที่ถูกฉาบไว้ด้วย สีสันสะดุดตามากมาย ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าใสที่อยู่ด้านหลัง เรียกได้ว่าสถานที่ ๆ มีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกก็ว่าได้
 3. โรงแรมเมจิค เมาน์เท่น (Magic Mountain hotel)
          เมื่อดูภายนอกของโรงแรมแห่งนี้ อาจดูเหมือนเป็นสถานที่ใช้สำหรับถ่ายหนัง เพราะโรงแรมเมจิค เมาน์เท่น มีรูปทรงคล้ายกับภูเขาสูงที่ตั้งตระหง่านอยู่ในป่าเขียวชะอุ่ม ซึ่งมีน้ำตกพวยพุ่งไหลงลงมาจากด้านบนภูเขาอีกด้วย จนแทบไม่น่าเชื่อว่ามันคือที่พักสำหรับคน โดยโรงแรมภูเขาสุดหรูแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวภายในอุทยานฮุยโล ฮุยโล (Huilo Huilo) บริเวณแคว้นลอส ริออส ประเทศชิลี
 4. ครุ๊ก ฟอเรสท์ (Crooked Forest)
          ครุ๊ก ฟอเรสท์ เป็นสถานที่ตามธรรมชาติซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศโปแลนด์  โดยสิ่งที่ทำให้สถานที่แห่งนี้มีความแปลกพิสดารไม่เหมือนใครตรงที่ ต้นสนจำนวนมากประมาณ 400 ต้น ที่อยู่ในผืนที่แห่งนี้ มีลักษณะโค้งงอบริเวณโคนต้นผิดจากต้นไม้ทั่วไป ซึ่งประวัติของพวกมันทราบแต่เพียงว่ามีคนมาปลูกเอาไว้ในปี 1939 แต่ก็ไม่มีใครทราบทำไมมันถึงมีรูปร่างเช่นนี้ 
5. อุโมงค์แห่งความรัก (Tunnel Of Love)
          อุโมงค์ต้นไม้ขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยใบไม้สีเขียวแห่งนี้ ตั้งอยู่บนรางรถไฟเก่าแห่งหนึ่งในเมืองคลีเวน ประเทศยูเครน ซึ่งสาเหตุที่ได้ชื่อว่าเป็น “อุโมงค์แห่งความรัก” เกิดจากเหล่าบรรดาคู่รักนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ชอบมาเดินเที่ยวเล่นกันภายในอุโมงค์แห่งนี้อยู่เสมอ
 6. บ่อน้ำพุร้อน บลู ลากูน (Blue Lagoon Hot Springs)
          บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยบรรยากาศของสถานที่จะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาว ที่แม้อากาศจะหนาวเหน็บขนาดไหน แต่อุณหภูมิของน้ำในบ่อก็ยังคงร้อนอยู่เสมอ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่สร้างความอบอุ่นในวันที่หิมะมาเยือนได้อย่างสบาย ๆ
 7. ไอซ์ แคนยอน (Ice Canyon)
          หุบเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์ เกิดขึ้นจากการละลายตัวของก้อนน้ำแข็งจำนวนมาก โดยมีความลึกถึง 150 ฟุต ในกรีนแลนด์ (Greenland) ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของประเทศเดนมาร์ก แม้ดูเผิน ๆ ดินแดนแห่งนี้อาจเป็นเพียงแค่พื้นที่ว่างเปล่า ที่เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งสีขาวทั่วไป แต่บริเวณช่องว่างในหุบเขาที่มองลงไปเห็นธารน้ำสีฟ้าใส ก็ทำให้ผู้คนจำนวนมากหลงเสน่ห์หุบเขาน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่แห่งนี้อย่างง่ายดาย
 8. บอล พีระมิด (Ball Pyramid)
          บอล พีระมิด คือ ภูเขาหินริมทะเลสูงที่สุดในโลกในปัจจุบัน โดยมีความสูงอยู่ที่ 562 เมตร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะลอร์ด ฮาว ในมหาสมุทรแปซิฟิค ซึ่งความจริงภูเขาหินแห่งนี้ เป็นส่วนที่เหลืออยู่ของภูเขาไฟรูปโล่ เมื่อประมาณ 7 ล้านปีที่แล้ว 
 9. เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ (The Great Barrier Reef)
          เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ เป็นแนวปะการังนอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในทะเลคอรัล บริเวณนอกชายฝั่งของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย โดยสถานที่แห่งนี้ยังได้รับความนิยมมากมายจากนักดำน้ำและนักท่องเที่ยวทั่ว โลก ที่ต่างพากันยกนิ้วให้กับความสวยสดงดงามของแนวปะการังแห่งนี้
 10. อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ (Plitvice Lakes National Park)

          อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่มีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ซึ่งเป็นอุทยานเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในประเทศโครเอเชีย โดยภายในอุทยานยังแวดล้อมไปด้วยป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ และมีธารน้ำตกมากมายหลายชั้น ที่สามารถสะกดนักท่องเที่ยวให้ตราตรึงกับบรรยากาศได้อย่างอยู่หมัด